วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

กำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน




สิ่งมหัศจรรย์ที่ติดอันดับทั้งจากโลกยุคกลางและโลกยุคใหม่ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กำแพงหมื่นลี้” สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Si Huang) เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ และมีการสร้างขยายต่อเติมมาถึงในสมัยราชวงศ์หมิง จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2012 พบว่ากำแพงหลักและสาขาย่อยต่างๆ มีความยาวรวมกันเกือบ 22,000 กิโลเมตร โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมไปเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนกันที่เมืองปักกิ่ง





กำแพงเมืองจีน หรือ The Great Wall of China สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและยิ่งใหญ่ อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นตัวแทนความรุ่งเรืองของจีนมาหลายศตวรรษ ทั้งยังนับเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีมา หากแต่ยังมีเรื่องน่ารู้มากมายที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังกำแพงยิ่งใหญ่แห่งนี้ และไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน บอกเลยว่างานนี้เน้นสาระล้วน ๆ


 1. กำแพงเมืองจีนมีความยาวอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุด (** รายงานการอัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2555 จาก สำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน) อยู่ที่ 21,196.18 กิโลเมตร หรือ 13,170.7 ไมล์

  2. กำแพงเมืองจีนมีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมด 9 มณฑล คือ มณฑลเหลียวหนิง (Liaoning), มณฑลเทียนจิน (Tianjin), มณฑลเหอเป่ย์ (Hebei), ปักกิ่ง (Beijing), เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน (Inner Mongolia), มณฑลซานซี (Shanxi), มณฑลส่านซี (Shaanxi), เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย (Ningxia) และ มณฑลกานซู (Gansu)
 
          3. จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของประวัติศาสตร์จีน เป็นผู้สร้างกำแพงเมืองจีนนี้ขึ้นมา ทรงปราบปรามก๊กต่าง ๆ ทั้ง 6 ก๊กได้สำเร็จ รวบรวมจีนเป็นหนึ่งเดียว เพื่อป้องกันศัตรูเข้ามาบุกรุกและปล้นสะดม และมีการบูรณะแก้ไขเพิ่มเติมทั้งในสมัยฮั่น ถัง และหมิงตามลำดับ ปัจจุบันที่เห็นเป็นกำแพงของราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644)
 
          4. วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนมีความหลากหลาย และแตกต่างกันตามแต่ละภูมิประเทศที่กำแพงเหล่านั้นพาดผ่าน ซึ่งมีทั้งหิน ดิน และไม้เป็นวัสดุหลัก แต่บางจุดก็ใช้หินอ่อน หินแกรนิต โคลน หรือดินเผา แต่ที่คงเหลืออยู่ในปัจจุบันมักเป็นกำแพงที่สร้างด้วยหิน
 
          5. กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงงานนับล้าน โดยแรงงานที่ถูกเกณฑ์มาส่วนใหญ่เป็นนักโทษสงครามและทาส และมีแรงงานจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตลงระหว่างการก่อสร้าง และศพเหล่านั้นก็ได้ถูกฝังทับถมอยู่ภายใต้กำแพง จนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่ยาวที่สุดในโลก

 6. กำแพงเมืองจีนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530 และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง ทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลก
 
          7. วัตถุประสงค์ของการสร้างกำแพงเมืองจีน เพื่อป้องกันอาณาจักรไม่ให้ศัตรูเข้ามารุกรานเมืองหลวงได้ง่าย และยังเป็นแนวบอกชายแดนอีกด้วย นับจากสมัยจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ กำแพงเมืองจีนก็ได้สร้างกันมาอีกหลายยุคหลายสมัย รวมระยะเวลาสร้างทั้งสิ้นเกือบสองพันปี

          8. ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนที่เราเห็นเป็นเพียงแค่ 1 ใน 3 ของกำแพงทั้งหมดเท่านั้น และมีแนวโน้มว่าอาจจะลดลงอีกเรื่อย ๆ สาเหตุสำคัญมาจากขาดการดูแลและอนุรักษ์ รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งมีผลต่อการกัดเซาะและสึกกร่อนของกำแพงเมืองจีนไปเรื่อย ๆ



กำแพงเมืองจีน (จีนตัวย่อ长城จีนตัวเต็ม長城พินอินChángchéng "ฉางเฉิง", อังกฤษGreat Wall of China) เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบุกรุกจาก ชาวฮัน หรือ ซฺยงหนู คำว่า ซฺยงหนู บางทีก็สะกดว่า ซุงหนู หรือ ซวงหนู ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอารยธรรมจีนในยุคต้น ๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว (ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล) เนื่องจากจะเข้ามารุกรานจีนตามแนวชายแดนทางเหนือ ในสมัยราชวงศ์ฉิน ได้สั่งให้สร้างกำแพงหมื่นลี้ตามชายแดน เพื่อป้องกันพวกซฺยงหนูเข้ามารุกรานและพวกเติร์ก จากทางเหนือ หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ
กำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า "กำแพงหมื่นลี้" (จีนตัวย่อ万里长城จีนตัวเต็ม萬里長城พินอินWànlĭ Chángchéng "ว่านหลี่ฉางเฉิง") สำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ว่านักโบราณคดีได้ตรวจวัดความยาวของสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ "กำแพงเมืองจีน" อย่างเป็นทางการนานร่วม 5 ปี ตั้งแต่ 2008-2012 และพบว่ายาวกว่าที่บันทึกไว้เดิมกว่า 2 เท่า หรือ 21,196.18 กิโลเมตร จากเดิม 8,850 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ[1] และนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคกลาง ด้วย มีความเชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศจะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถมองเห็นจากอวกาศได้[2]







ตำนานคลาสสิคกำแพงเมืองจีนพังทลาย เพราะน้ำตาของหญิงที่เสียคนรักซึ่งถูกทางการเกณฑ์ไปใช้แรงงานจนตาย  
กำแพงเมืองจีน หรือ “กำแพงหมื่นลี้” ที่เรียกตามความยิ่งใหญ่ของกำแพงที่ยาวกว่าหมื่นลี้ สร้างขึ้นเพื่อใช้สกัดกั้นและป้องกันการรุกรานในชีวิตและทรัพย์สินของชาวฮั่นที่อยู่ทางใต้ของตัวกําแพงจากพวกชนเผ่าทางเหนือ กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน (พ.ศ. 323-338) หรือกว่า 2,000 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีวิทยาการที่จะช่วยแบ่งเบาการทำงานของคนงานที่ถูกเฏณฑ์มาสร้างกำแพงมากนัก
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นนี้จึงสร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสแก่ประชาชน เพราะพวกเขาต้องถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานอย่างไม่ต้องสงสัย ชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้สร้างกําแพงจํานวน 200,000-300,000 คน ทำงานในสภาพภูมิอากาศที่อันตราย หนาวเหน็บ และงานที่ตรากตรำ ชีวิตของพวกเขาจึงเหมือนมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นดาย
ส่วนครอบครัวทางบ้านก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกัน ชีวิตของพ่อแม่ลูกและภรรยาของพวกเขาต้องขาดหลักประกัน และสิ้นหวังเพราะไม่ทราบว่าสมาชิกในครอบครัวที่ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานนับแรมปีจะได้มีโอกาสกลับมาพบหน้ากันอีกหรือไม่
ความสงสารเห็นใจต่อตัวผู้ที่เป็นแรงงานสร้างกําแพง และการประณามการปกครองที่โหดร้ายของราชวงศ์ฉิน ได้ค่อยๆ ก่อเกิดเรื่องเล่า “นางเมิ่งเจียงหนี่ว์ร้องไห้ที่กําแพงเมืองจีน” ขึ้นในหมู่ประชาชน
เรื่องมีอยู่ว่า ว่านสี่เหลียง ผู้มีสติปัญญาความรู้ ที่พยายามหลบซ่อนตัวจากการเกณฑ์แรงงานไปสร้างกำแพงเมืองของทางการ วันหนึ่งเขาได้หนีไปอยู่ที่บ้านตระกูลเมิ่ง นางเมิ่งเจียงหนี่ว์ผู้มีจิตใจงดงามและพ่อแม่ของนางช่วยให้ที่หลบซ่อนตัว พ่อแม่ของนางชื่นชอบในตัวว่านสี่เหลียงเป็นอย่างยิ่ง จึงยกนางเมิ่งเจียงหนี่ว์ให้เป็นภรรยา ทั้งสองแต่งงานได้เพียงไม่กี่วัน ว่านสี่เหลี่ยงก็ถูกทางการเกณฑ์ไปสร้างกําแพง




นายธีระศักดิ์ หนูสน ม.6/6 เลขที่27

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กำเเพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน สิ่งมหัศจรรย์ที่ติดอันดับทั้งจากโลกยุคกลางและโลกยุคใหม่ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กำแพงหมื่นลี้” สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้า...